รีวิว คิดถึงวิทยา : ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นผ่านสถานที่ เรื่องราว และตัวอักษร

 คิดถึงวิทยา 


ตอนที่ได้ยินว่าคิดถึงวิทยาได้เป็นตัวแทนหนังประเทศไทยในปีนั้นไปเข้าชิงรางวัลออสการ์ บอกตามตรงว่าเรารู้สึกเฉยๆ แล้วก็ไม่ได้คิดว่านี่เป็นหนังรางวัลอะไรขนาดนั้น แต่พอได้มีโอกาสมาดูเต็มๆ ในวันนี้มันทำให้เรารู้ว่า คิดถึงวิทยา เป็นหนังไทยที่แปลกใหม่ น่าสนใจ นำเสนอเนื้อหาออกมาได้ดี มีประเด็นที่ละเอียดอ่อนและกินใจคนได้ไม่ยาก 


หนังเล่าถึงเรื่องราวของครูสอง”  ครูที่ถูกส่งให้มาสอนหนังสือนักเรียนที่โรงเรียนเรือนแพบนเกาะแห่งหนึ่ง มีนักเรียนในการดูแลเพียง 4 คน สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย การปรับตัวมาอยู่ห่างไกลตัวเมืองที่ไม่มีแม้แต่สัญญาณมือถือทำให้ครูสองรู้สึกเศร้า เหงา และโดดเดี่ยว มีเพียงสมุดไดอารี่เล่มนึงที่ถูกเขียนโดยครูแอนคุณครูที่โรงเรียนเรือนแพคนเก่าผู้เขียนบันทึกประสบการณ์ชีวิตที่ต้องก้าวผ่านเรื่องราวอันยากลำบาก ความเคว้งคว้าง และอุดมการณ์ความเป็นครูของเธอ ครูสองมีไดอารี่เล่มนี้ของครูแอนเป็นเสมือนเพื่อนคู่กายที่ทำให้เขาสามารถก้าวผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้เหมือนกับเธอ


เราชอบวิธีการเล่าเรื่องของหนังที่เล่าเรื่องราวคนละช่วงเวลาของคุณครูทั้งสองคนผ่านไดอารีออกมาได้อย่างต่อเนื่องและเกี่ยวพันกันด้วยความสัมพันธ์ของคนทั้งสองที่ไม่แม้แต่จะรู้จักกัน หนังเล่าเรื่องได้สมูทมากๆ ตัดซีนจากครูสองไปหาครูแอนและครูแอนมาหาครูสอง การเล่าเรื่องผ่านภาพในซีนเดียวกัน ผ่านคำพูดสั้นๆ บนไดอารี แต่มันกลับทำให้เรารู้สึกราวกับว่าคนทั้งคู่รู้จักกันมานานแสนนาน และเราก็รู้จักพวกเขาสองคนเป็นอย่างดี
 

เราชอบพาร์ทที่เล่าเรื่องราวของความเป็นครูอุดมการณ์อันแรงกล้าของครูแอนที่ไม่ใช่เป็นแค่ครูที่มีหน้าที่สอนหนังสือเท่านั้น เธอรักและเป็นห่วงเด็กๆ ของเธอจากใจ และอยากเห็นพวกเขาเติบโตไปมีชีวิตที่ดีขึ้น เรารู้สึกว่าเรื่องของความเป็นครู ความเป็นแม่ มันเป็นเรื่องที่คลาสสิค ความท้าทายของมันคือจะเล่าออกมายังไงไม่ให้ดูพยายามและเลี่ยนมากจนเกินไป ซึ่งเราว่าพาร์ทนี้ของคิดถึงวิทยาทำออกมาได้ดี ความสัมพันธ์ของครูทั้งสองกับเด็กๆ มันสวยงามและฟีลกู๊ดเอามากๆ 


เราชอบการที่หนังใช้ โรงเรียนเรือนแพ เป็นธีมของเรื่อง การมาเป็นครูที่ห่างไกลแบบนี้มันก็วัดใจได้ข้อนึง นอกจากความยากในการใช้ชีวิตในที่ห่างไกล กลับบ้านได้แค่สุดสัปดาห์แล้วก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตกับนักเรียนทั้งวันทั้งคืนไปอีก 5 วัน มันทำให้เราเห็นความสัมพันธ์ของครูกับนักเรียนที่นี่ พวกเขาผูกพันกันมากกว่าแค่การเป็นผู้รับมอบความรู้   


ส่วนในพาร์ทความสัมพันธ์ของคุณครูทั้งคู่ เราชอบที่หนังทำให้เราเชื่อได้ว่ามันจะมีใครซักคนที่ตกหลุมรักและผูกพันธ์กันผ่านทางตัวหนังสือ ผ่านทางไดอารีจริงๆ ในวันที่เรื่องราวมันเริ่มแย่ หรือในวันที่เปล่าเปลี่ยว ตัวอักษรของครูแอนบนสมุดไดอารีเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยืนยันว่าเธอสามารถก้าวผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาได้ ราวกับว่ามันเป็นคำเชื่อมั่นจากเธอส่งไปให้ครูสอง ว่าเขาเองก็จะต้องผ่านมันไปได้เช่นกัน


สิ่งนึงที่ทำให้หนังยังไปไม่สุดบนวัตถุดิบที่เตรียมไว้อย่างดีคือบทสรุปของมัน ส่วนตัวเรารู้สึกว่าเราชอบบทสรุปแบบนี้ มันดีและสวยงามมากๆ เพียงแต่พลังเฮือกสุดท้ายในการส่งให้กราฟความรู้สึกในตอนจบมันพุ่งทะยานมันยังไม่มากขนาดนั้น เรารู้สึกว่าทั้งในเรื่องของครูนักเรียน และความสัมพันธ์ของครูทั้งคู่มันยังสามารถเล่นอะไรได้มากกว่านี้ เพื่อที่จะขับพลังในซีนสุดท้ายออกมา และส่งให้ตอนจบแบบนี้ที่ดีอยู่แล้วมีความตราตรึงอยู่ในใจมากกว่าเดิม


สุดท้าย เราคิดว่านี่เป็นอีกหนึ่งหนังไทยที่น่าสนใจมากๆ แม้ว่าโปรดักชันจะไม่ได้สวยงาม ไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่ตลอดเวลาที่ดูมันเต็มไปด้วยความอิ่มฟู ความสุขใจ เป็นหนังที่มอบพลังดีๆ ออกมาให้คนดูสูงมากๆ เด็กๆ ในเรื่องน่ารัก มีซีนตลกที่ดี และคิดว่าคนที่เป็นครูน่าจะอินกับความสัมพันธ์ของคุณครูกับเด็กๆ ในเรื่องไม่น้อย


8/10

I Know You Have Good Taste :)



Click ME


👇




ดูจบแล้วมาคุยกัน


ช่วงแรกๆ ที่ครูสองพึ่งย้ายมาใหม่ๆ ได้มาเห็นไดอารีเล่มนี้ ได้รู้จักกับครูแอน หนังอนุญาตให้เรารู้จักครูแอนมากเท่าที่ครูสองรู้จัก มากเท่าที่ครูแอนจะเขียนไดอารีเอาไว้ มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าครูแอนเป็นคนน่ารัก ใจสู้ รักการเป็นครู สิ่งที่จินตนาการไว้เกี่ยวกับเธอมันดีงามไปซะหมด จนมาถึงช่วงสอง ที่ครูแอนเป็นคนอ่านไดอารีบ้าง เธอก็รู้จักครูสองแค่เฉพาะสิ่งที่เขาอยากให้เธอเห็น เรามองว่ามันไม่แปลกเลยที่ทั้งสองจะตกหลุมรักกันได้อย่างง่ายได้แบบนั้น มันเข้าใจได้แล้วก็ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงอะไรในความสัมพันธ์นี้


พอทั้งคู่ได้มาเจอกันในตอนจบ เราชอบที่หนังตัดจบเพียงแค่ให้คนทั้งสองทักทายกัน ได้เรียกชื่อกันเต็มปากหลังจากที่เพียงจินตนาการถึงกันและกันมานาน (อย่างกับเรื่อง Your name ที่จบด้วยการถามว่าอีกฝ่ายชื่ออะไร) แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่าคนทั้งสองจะอยู่ด้วยกันรอดรึเปล่า (ฮ่าาา) มันคือความเสี่ยงมากๆ ที่คนสองคนที่ผูกพันผ่านกันเพียงแค่สถานที่และการรับรู้ถึงอีกฝ่ายบนตัวอักษรจะสามารถใช้ชีวิตคู่ต่อไปด้วยกันได้ ไม่รู้ว่าเพราะความรู้สึกนี้รึเปล่าถึงทำให้การทักทายกันในตอนจบมันดูมีพลังไม่พอสำหรับเรา ทั้งที่ก็ชอบตอนจบแบบนี้


ชอบประเด็นเรื่องโรงเรียนเรือนแพ ชอบที่หนังใส่ประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ความฝันของเด็กที่ไม่รู้ว่าจะเรียนไปเพื่ออะไร ความรู้สึกที่ว่าการศึกษานั้นไร้ประโยชน์สำหรับคนเป็นผู้ปกครอง หรือการสอนที่เป็นมากกว่าการท่องจำตำราเรียน สิ่งเหล่านี้มันถูกแทรกเข้ามาอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้รู้สึกว่ายัดเยียดหรืออะไร แต่ก็ทำให้เซ้นสิทีฟได้ เช่นเส้นเรื่องของน้องช่อน ไม่อยากเชื่อว่าการที่น้องเรียนจบ .6 จะทำให้เราน้ำตาซึมแบบครูแอนเลย มันดีและอิ่มฟูหัวใจมากๆ


ความคิดเห็น