รีวิว Little Women : เพราะผู้หญิงเรานั้นมีความฝัน เรามีความรัก และเราก็มีพลังมากพอที่จะไม่ให้ใครมาเหยียบย่ำมัน

Little women

สี่ดรุณี


ถ้าดูจากตัวอย่างหนัง ผู้กำกับ นักแสดง และภาพรวมหลายๆ อย่างรวมกัน Little Women คือหนังแห่งความ feminist ของเหล่าหญิงสาวพี่น้องตระกูลมาร์ชทั้ง 4 ว่าด้วยเรื่องของการเป็น "ผู้หญิง" ในยุคสมัยหนึ่ง ที่ต้องฝ่าฟันเรื่องราวทางสังคมที่บอกว่าผู้หญิง "ไม่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเอง" สารพัดปัญหาในชีวิตที่เข้ามารุมเร้า ยังไม่หนักเท่าคำพูด และค่านิยมของคนในสังคม ซึ่งพวกเธอจะต้องฟันฝ่ามันไปให้ได้เพื่อความฝันในหัวใจของตน


ถ้าใครเคยดู Lady Bird แล้วอิน เรื่องนี้ก็คงจะอินไม่ต่างกัน เพราะผู้กำกับสาวอย่าง Greta Gerwig ส่งมู้ดแอนด์โทนและพลังของความเป็นผู้หญิงของทั้งสองเรื่องออกมาได้ดีมากๆ ไม่ต่างกันเลย  เธอมอบพลังแห่งความ feminist ออกมาได้อย่างแข็งแกร่งและอบอุ่น มันช่างเข้มแข็งแต่ก็อ่อนไหว  เปราะบางแต่ก็มั่นคง ไม่แปลกเลยถ้าหลายๆ คนจะตกหลุมรัก Greta มากขึ้นเรื่อยๆ จากหนังแต่ละเรื่องที่เธอทำ เพราะมันสุดยอดจริงๆ!

 
เนื้อหาของหนังไม่ได้มีอะไรมากเลย ให้เล่าก็ยังไม่รู้จะเล่ายังไง แต่พอได้มาดู ได้มาสัมผัส สิ่งที่จะได้กลับไปคือพลังแห่งความเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง แต่ภายใต้ความเข้มแข็งตรงนั้นก็มีความอ่อนโยนและเปราะบาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวละครหลักอย่าง Saoirse Ronan สื่อออกมาในบทของตัวละคร ‘โจ’ พี่สาวคนรองที่ต้องแบกรับอารมณ์ต่างๆ มากมาย แบกรับความฝันของตนเองที่ต้องถูกดูถูกจากคนรอบข้าง แบกรับความกดดันจากการเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้อ่อนโยน แบกรับความรับผิดชอบจากการดูแลพี่น้องอีกสามคนจากการที่พ่อของพวกเธอต้องออกไปสู้รบเพื่อชาติ 


"ผู้หญิง" ที่ถูกตีตราว่าเป็นเพศที่อ่อนแอและเปราะบาง มักจะโดนเหยียดหยามจากผู้คนรอบข้างว่าเธอทำนั่นไม่ได้ ทำนี่ไม่ได้ แต่พอพวกเธอแสดงท่าทีที่เข้มแข็งเพื่อจะปลดปล่อยตัวเองจากการถูกดูแคลน กลับกลายเป็นว่าเธอทำตัวไม่สมกับเป็นผู้หญิง และหนังเรื่องนี้ทำให้เราเห็นว่า ผู้หญิงนั้นสามารถที่จะเข้มแข็งและอ่อนโยนได้ 

เธอไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งและแข็งกระด้าง แต่พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องอ่อนแอและไร้ค่า 


เราชอบที่หนังถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครที่หลากหลายและมีมิติ ด้วยคาแรกเตอร์ของตัวละครหลักทั้งหมดมันทำให้เราเห็นว่า คนทุกคนมีสิทธิที่จะใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ที่เขาต้องการ โดยไม่มีเรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง และมันไม่ใช่เรื่องผิดหากคุณจะไม่ได้แสดงออกถึงท่าทีที่แตกต่างจาก "ขนบ" ที่คนในสังคมได้บอกไว้ว่าคนเพศนี้ต้องเป็นแบบไหน เราว่าหนังสอดแทรกความ Flexible ในเรื่องเพศมาเยอะ และเราชอบที่มันไม่ได้ตัดสินอะไรทั้งนั้น เพราะในชีวิตนี้ 

"เราสามารถเป็นใครก็ได้ที่เราอยากจะเป็น"


เซอร์ชาเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากๆ จนเราไม่สามารถละสายตาออกจากเธอได้เลยจริงๆ (ในเรื่องนี้คือกลบ Emma Watson มิดเลย อาจเพราะเป็นตัวละครหลักด้วย) ชอบการส่งสายตาของเธอมากๆ ในตัวของโจ เราเห็นทั้งความเข้มแข็ง ของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ก็มีความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเราว่านี่แหละคือเสาหลักของหนังที่อยากจะบอกว่าผู้หญิงทุกคนต่างก็มีสองสิ่งนี้ในตัวทั้งนั้น เราทั้งเข้มแข็งและอ่อนโยน เรามีความฝัน เรามีความรัก และเราก็มีพลังมากพอที่จะไม่ให้ใครมาเหยียบย่ำความฝันและควบคุมชีวิตของเราไว้ใต้กฏเกณฑ์


มู้ดแอนด์โทนของหนังคือดีมากๆ ด้วยความที่หนังเล่าในช่วงยุค 80S เราเลยได้เห็นมู้ดของช่วงนั้นเต็มตา ทั้งเครื่องแต่งกายที่โดดเด่นมากๆ outfit ของทุกคนคือดูดีในทุกซีน บรรยากาศ โทนสีของหนังในแต่ละช่วงมันทำให้เรารู้สึกสบายตา สบายใจ สามารถขับอารมณ์คนดูได้ ส่วนตัวชอบซีนที่มีการเต้นรำ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ดนตรี โลเคชัน มันขับความ 80s ออกมาได้อย่างมีเสน่ห์สุดๆ ทุกซีนคือทำออกมาให้ดูแล้วมีความสุข งดงามมากๆ


เราชอบการบิ้วของหนัง หนังสามารถทำให้เราอินกับเหล่าพี่น้องสี่ดรุณีได้อย่างลึกสุดใจภายในเวลาสองชั่วโมง การตัดภาพแฟรชแบ็คย้อนอดีตในแต่ละช่วงมันลื่นไหล และยิ่งทำให้เราดึ่มด่ำไปกับความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวในแต่ละขณะ ในปัจจุบันตัวละครแต่ละตัวคิดอะไร เราสามารถเข้าใจมันได้ภายในครู่เดียวเดียวจากการแฟรชแบ็ค แต่ละซีนที่เลือกมามันใช่ และถูกจังหวะไปซะหมด ขับอารมณ์ของคนดูให้รุนแรงมากขึ้นในทุกที มีซีนนึงที่จากกำลังนั่งยิ้มแฮปปี้ พอตัดมาในปัจจุบันปุ๊บ คือน้ำตาไหลพราก นี่คือพลังอ่ะคุณ พลังของ Greta ล้วนๆ 


นักแสดงทุกคนคือทำหน้าที่ตัวเองออกมาได้ดีมากๆ (นอกจากเซอร์ชาก็มี Timothée คือเราชอบเค้าอยู่แล้วพอมาเล่นบทแบบนี้เราว่าเค้ามีเสน่ห์และน่ามอง เป็นนักแสดงที่เติบโตและพัฒนาไปไวมากๆ) เราตกหลุมรักในความน่ารัก ความอบอุ่นของครอบครัวสี่ดรุณีและเพื่อนข้างบ้านกับคุณลุงมากๆ และเราเชื่อว่าทุกคนที่ไปดูคงรู้สึกไม่ต่างกัน ทุกซีนที่พี่น้องสี่คนนี้อยู่ด้วยกัน แม้มันจะเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา สุขบ้าง เศร้าบ้าง หัวเราะบ้าง ร้องไห้บ้าง แต่มันคือความทรงจำที่ดีที่เราอยากให้เด็กสาวทั้งสี่จำติดตัวไปตลอดชีวิตของพวกเขา ว่าการที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันมันช่วงเป็นสิ่งที่สวยงามสำหรับคนดูอย่างเราแค่ไหน


9/10

I Know You Have Good Taste :)



Click ME


👇



ดูจบแล้วมาคุยกัน


ประโยคที่เรายกให้เป็น best quote คือประโยคที่เม็กบอกกับโจว่า 


"ความฝันของพี่อาจจะไม่เหมือนของเธอ แต่นั่นไม่ได้แปลว่ามันไม่สำคัญ" 

เรารู้สึกว่ามันเป็นหนึ่งในคีย์หลักที่สำคัญมากๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้


พี่น้องทั้งสี่ รวมถึงเด็กชายข้างบ้าน พวกเขามีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน รวมทั้งความฝัน และเป้าหมายในชีวิตที่ไม่เหมือนกัน เช่นโจที่เป็นผู้หญิงแข็งแกร่ง เธอไม่ชอบการเป็นผู้หญิง ไม่ชอบความอ่อนแอ ต้องการที่จะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เป็นนักเขียนหญิงที่ผู้คนให้การยอมรับ แต่อย่างเม็ก เธอเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นผู้หญิงสูงมากๆ เธอมีความสุขกับการได้แต่งตัวสวยๆ ใส่ชุดราตรีพองๆ มีความฝันอยากจะแต่งงานกับหนุ่มผู้เป็นที่รัก มีครอบครัว มีบ้าน มีลูกๆ ที่น่ารัก 


พวกเธอสองคนมีความฝันที่แตกต่างกันอย่างสิ้งเชิง และเพียงแค่เพราะเธอเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีความฝันใดความฝันหนึ่งเป็นสิ่งที่ผิด โจไม่สามารถมองว่าเม็กคงจะไม่มีความสุขที่จะต้องแต่งงานเพราะชีวิตจะไม่มีอิสระ เพียงเพราะมันคือสิ่งที่โจคิด คนเราทุกคนมีความฝันที่แตกต่างกัน และทุกความใฝ่ฝันของเรานั้นสำคัญ 


แต่ต่อให้ทุกคนจะแตกต่างกันเพียงไร สุดท้ายเราต่างต้องการ "ความรัก" จากใครซักคน โจเป็นผู้หญิงที่เชื่อว่าตัวเองสามารถใช้ชีวิตอยู่คนเดียวอย่างเป็นอิสระได้ แต่สุดท้ายเธอก็รู้ตัวว่า การที่เธอได้รู้ว่ายังมีใครซักคนที่ "รัก" เธอนั้นมันเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่จะทำให้เธอใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างเข้มแข็งและกล้าหาญมากขึ้น


ความคิดเห็น