รีวิว Bombshell : เมื่อความถูกต้องต้องลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจ พลังของผู้หญิงไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าใคร

 Bombshell แฉกระฉ่อนโลก


หนังเฟมินิสต์เสริมสร้างพลังหญิง ดูจบแล้วในฐานะผู้หญิงคนนึงก็คือรู้สึกฮึกเหิม มีพลังบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่า 


"ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องตกเป็นรองใครทั้งนั้น" 


เป็นหนังที่มาได้ตรงจังหวะเพราะช่วงนี้ประเทศไทยเราก็ให้ความสำคัญกับทั้งคำว่า bully และ sexual harassment ซึ่งถือเป็นคำที่มีอิทธิพลมากๆ ในช่วงปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว และ bombshell ก็แสดงให้เห็นถึงพลังของเหล่าหญิงแกร่งแม่ๆ ทั้ง 3 ที่สามารถก้าวผ่านคำพวกนี้ด้วยความเริด เชิด แซ่บแสบทรวงมากๆ


หนังเล่าถึงนักข่าวหญิงทั้ง 3 จาก fox news สื่อตัวยักษ์ของอเมริกา ซึ่งกว่าการที่จะได้มาทำงานในฐานะผู้มีอิทธิผลผู้โด่งดังในวงการสื่อแบบนี้ ก็ผ่านการถูกคุกคามทางเพศจากผู้มีอำนาจมากมาย ซึ่งลามไปตั้งแต่เจ้านายยันว่าที่ประนาธิปดีอย่าง Donal Trump! (เล่นใหญ่ จัดหนักจัดเต็มมากๆ) หนังแสดงให้เห็นความอึดอัดของความเป็นผู้หญิง ที่แม้ภายนอกจะดูเข้มแข็ง แข็งแกร่งพร้อมฉะพร้อมปะทะแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วก็มีความรู้สึกเศร้า เจ็บปวดกับการถูกเหยียดหยาม ถูก bully หรือถูก harass อยู่ดี


หนังฟาดแบบรัวมาก พูดฉะกัน ปะทะคารมกันแบบช็อตต่อช็อตแทบจะตลอดเรื่อง ไม่ปล่อยให้คนดูได้หยุดพักเลยซักนิด คือถ้าสติหลุดไปนิดนึงความอิมแพ็คของช่วงนั้นจะหายไปเลย แต่ถ้าใครเก็บได้ทุกเม็ด Bombshell จะกลายเป็นหนังที่สนุก แรง และมีพลังเอามากๆ


หนังแสดงให้เห็นถึงชั่วขณะนึงของชีวิตที่เราต้องเลือก เมื่อความถูกต้องเลือกที่จะลุกขึ้นมาสู้กับอำนาจที่ยิ่งใหญ่ 


การที่จะลุกขึ้นมาพูดอะไรซักอย่างอาจต้องแลกกับอะไรบางอย่างที่สำคัญต่อชีวิตไป 


ทิ้งตำแหน่งในหน้าที่การงาน อาจต้องทิ้งความฝัน ทิ้งอนาคต แต่ก็เป็นการทำเพื่อศักดิ์ศรีของความเป็นผู้หญิง ศักดิ์ศรีของความเป็นคนที่มักจะถูกกดทับไว้ด้วยคำว่าอีกฝ่ายคือ "ผู้มีอำนาจ" หนังตั้งคำถามกับคนดูว่า 


"ถ้าเป็นเรา มันคุ้มมั้ยที่จะยอมแลก" 


โดยที่เราไม่มีวันรู้ได้เลยว่าความถูกต้องของเราจะไปเอาชนะอำนาจของอีกฝ่ายได้หรือไม่


ต้องให้ความดีความชอบแก่นักแสดงตัวแม่ทั้งสามคน การที่หนังขับเคลื่อนได้เดือดและร้อนระอุขนาดนี้ส่วนนึงก็เป็นเพราะนักแสดงนำ แต่ละคนมีซีนที่ใช่ของตัวเอง ซึ่งกระแทกใจเรามาก เผ็ดสมกับเป็นตัวแม่จริงๆ ทั้งสามคนมีทั้งพลังของความแข็งแกร่ง แต่ก็มีความเปราะบางที่เจ็บปวดจากการถูกกระทำ  


ด้วยความที่หนัง base on true story ยิ่งทำให้คนดูอินไปกับหนังได้ง่ายมากๆ จริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแบบเป็นปกติ (ทั้งที่ความจริงมันไม่ปกติ และไม่ควรถูกทำให้ปกติด้วยซ้ำ) แต่จะมีซักกี่คนที่กล้าที่จะลุกขึ้นมาจริงจังกับปัญหานี้ หนังเรื่องนี้ทำให้เรามองเห็นถึงพลังที่ถูกขับเคลื่อนจากคนกลุ่มหนึ่ง และเราเชื่อว่ามันสามารถที่จะส่งต่อไปให้คนดู หรือผู้หญิงคนอื่นที่เคยถูกกระทำให้มีความกล้าที่จะสู้กลับ


ประเด็น Sexual Harassment เป็นประเด็นที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็เปราะบางกับการเอามาเล่า เราว่าหนังนำเสนอแง่มุมพวกนี้ออกมาได้ดี และทำให้คนดูตระหนักถึงปัญหานี้ได้ บางคนยังไม่รู้และไม่เข้าใจด้วยซ้ำ ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่มันคือการคุกคามผู้อื่น บางคนยังสนับสนุนสิ่งพวกนี้ บางคนไม่รู้ว่าสิ่งตัวเองกำลังเจอนั้นคือการถูกคุกคาม บางคนยังไม่กล้าหรือไม่รู้ว่าจะลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตัวเองได้อย่างไร หนังนำเสนอปัญหาเหล่านี้ออกมาอยู่ในเรื่องราวที่จะทำให้เราตระหนักในอะไรบางอย่างได้มากขึ้น 


บางซีนอาจทำให้คนดูรู้สึกเหมือนถูกหนังตบหน้าแรงๆ เพื่อเตือนสติซักทีเลยทีเดียว 


หนังจะทำให้คุณโกรธ ใจคุณเต้น อยากจะลุกฮือขึ้นมาทำอะไรซักอย่างเพื่อศักดิ์ศรีและสิทธิของตน เราเชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะขับเคลื่อนความรู้สึกอะไรบางอย่างในใจคนดูได้ไม่มากก็น้อย


8/10

I Know You Have Good Taste :)



Click ME


👇



ดูจบแล้วมาคุยกัน


นักแสดงดีมากจริงๆ เราชอบ Margot Robbie ในซีนที่ถูกเรียกไปสัมภาษณ์ส่วนตัว แล้วถูกสั่งให้ถกกระโปรงขึ้น โห เราไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นเหมือนกันมั้ย แต่สำหรับเรา นี่เป็นซีนที่ทำให้อึดอัดมากที่สุดในเรื่อง มันเต็มไปด้วยความเลิ่กลั่ก ไม่รู้จะต้องแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง ไม่รู้อีกต่อไปแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำ คิดภาพว่าตัวเองไปยืนอยู่ตรงจุดนั้น เรายังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะมีปฏิกิริยาตอบกลับในเหตุการณ์แบบนี้ยังไง เพราะคนที่กำลังคุกคามเธออยู่กลับไม่ได้รู้สึกผิด ไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่เขากำลังทำมันทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดและอึดอัดมากขนาดไหน เหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องปกติและเป็นตัวเธอเองต่างหากที่คิดมากและไม่เชื่อฟังเขา


อีกซีนคือซีนที่ตัวหลักทั้งสามคนอยู่ในลิฟต์ด้วยกัน เป็นซีนที่ต่างคนต่างมองกันด้วยความรู้สึกคล้ายๆ กัน รู้นะว่าเธอก็โดนเหมือนกันใช่มั้ย ฉันก็ไม่ต่างกัน ทั้งสามคนรู้ชะตากรรมของต่างฝ่าย แต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมา เราว่าซีนนี้มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เยอะมากๆ เป็นซีนที่ใช้แค่ body language แบบไร้เสียงแต่เราสัมผัสความรู้สึกนั้นได้ ทั้งสามคนทำได้ดีมากๆ เลยในซีนนั้น ประทับใจ

ความคิดเห็น